เรียกว่าเป็นปัญหาเรื้อรังของสังคมในทุก ๆ ประเทศจริง ๆ เกี่ยวกับเรื่องการ บูลลี่ ซึ่งในประเทศไทยเองนั้น ก็ถือได้ว่าค่อนข้างหนักเลยทีเดียว และหนักขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้จะมีการรณรงค์เรื่องนี้เรื่อย ๆ แต่ก็ยังมีการบูลลี่กันตลอด บางครั้งรุนแรงมากขึ้นด้วยซ้ำ ด้วยสังคมที่เปลี่ยนไปในยุคโซเชียลมีเดีย ที่เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งกรมสุขภาพจิตเคยเปิดเผยว่า ประเทศไทยติดอันดับ 2 ในโลกในปี พ.ศ. 2563 รองจากประเทศญี่ปุ่น จากข้อมูลการบูลลี่ด้วยการใช้ตัวอักษรผ่าน Social Media ในปีเดียวกัน คำที่คนไทยใช้บูลลี่กันมากที่สุดเป็นเรื่อง รูปลักษณ์ เพศ และความคิดกับทัศนคติ ได้แก่ ไม่สวย, ไม่หล่อ ฯลฯ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงมีการบูลลี่กันอยู่ ก็เป็นเรื่องน่าเศร้านะ เพราะคนพูดหรือพิมพ์อาจไม่ทันได้คิด แต่คนฟังและคนที่ถูกบูลลี่นี่สิ จดจำตลอดไป เอาล่ะใครที่เจอกับสถานการณ์แบบนี้อยู่ หรือมีเพื่อน คนใกล้ตัวเจอแบบนี้ มาดูวิธีรับมือกัน ว่าเมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์ถูกบลลี่ เราจะรับมืออย่างไรดี 

วิธีรับมือเมื่อถูก บูลลี่ (ฺBully)

บูลลี่ คืออะไร 

การบูลลี่ (Bullying) หมายถึง การกลั่นแกล้งกันในสังคม ไม่ว่าจะด้วยคำพูดที่ใส่ร้าย ว่าร้าย ทำให้อับอาย หรือไปจนถึงการกลั่นแกล้งแบบรุนแรง ซึ่งเป็นการทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยแบ่งประเภทของการบูลลี่ได้ ดังนี้

1. การบูลลี่ ด้วยการใช้กำลัง เช่น การตบ ตี ชก ต่อย ทำร้ายร่างกาย หรือข่มขู่ให้กลัวด้วยพฤติกรรมทำลายข้าวของให้เสียหาย

2. บูลลี่ด้วยคำพูดทำร้ายความรู้สึก เช่น การล้อเลียน เยาะเย้ย วิพากษ์วิจารณ์รูปร่างหน้าตา สีผิว ปมด้อยของคนอื่น ทำให้ต้องอับอายหรือเสียความรู้สึก

3. การบูลลี่ทางสังคม เช่น กดดันให้ออกจากกลุ่ม หรือการตัดความสัมพันธ์ กีดกันไม่ให้ใครคบค้าสมาคมด้วย

4. การบูลลี่ทางโลกออนไลน์ หรือ Cyber Bullying ซึ่งเป็นการกลั่นแกล้งที่ทำให้อับอายในวงกว้าง เพราะมีการแชร์ต่อ ๆ กันได้ ซึ่งประเภทนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก ๆ ในยุคปัจจุบัน และพบเห็นได้บ่อย เพราะเป็นยุคที่โซเชียลเข้าถึงง่าย และแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว

วิธีรับมือเมื่อถูก บูลลี่ สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้

1. พยายามไม่ตอบสนองเมื่อถูกบูลลี่ 
เมื่อโดนบูลลี่ มีคนดูถูก หรือพูดจาไม่ดีใส่เราให้ลองทำหูทวนลม ไม่รับคำพูดเหล่านั้นดูบ้าง คนที่กลั่นแกล้งเราอาจรู้สึกเหมือนพูดคนเดียว และหมดสนุกไป ซึ่งเข้าใจว่าอาจจะฟังดูง่ายแต่ทำยาก แต่ก็ต้องพยายามทำ เพราะยิ่งตอบโต้ คนที่บูลลี่เราก็จะยิ่งรู้สึกสนุก และอาจทำให้เรื่องยิ่งบานปลาย

2. อย่าตอบโต้ด้วยความรุนแรง
แน่นอนว่าใครบูลลี่เรา เรามีสิทธิ์ที่จะแสดงความไม่พอใจได้ แต่ไม่ใช่การใช้ความรุนแรงกลับ เพราะเราก็จะกลายเป็นคนผิดร่วมกันไปด้วย

3. เก็บรวบรวมหลักฐาน
วิธีนี้ ในยุคปัจจุบันหลายคนคงจะพอเข้าใจและเห็นตัวอย่างจากคนดังมาหลายคน ที่ใช้วิธีนี้ในการตอบโต้คนที่ชอบบูลลี่ โดยเฉพาะทางโซเชียลมีเดีย นั่นคือการเก็บหลักฐานของคนที่มาบูลลี่เรา ไม่ว่าจะเป็น คลิปเสียง, ภาพถ่าย, ข้อความลายลักษณ์อักษร ที่จะแสดงให้เห็นได้ว่าเราโดนกลั่นแกล้งยังไงบ้าง โดนมาแล้วกี่ครั้ง เพื่อเป็นหลักฐานปกป้องตัวเอง หากมีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต และหลักฐานเหล่านี้ยังสามารถใช้ดำเนินคดีได้ด้วย แบบว่ารับคำขอโทษเป็นเงินนะคะ อุ้ย!

4. ควรขอคำแนะนำ หรือปรึกษาผู้ใหญ่
บางครั้งเวลาโดนบูลลี่หลายคนมักจะอาย และเก็บความรู้สึกแย่นั้นไว้คนเดียว แต่จะบอกว่าแนะนำให้ปรึกษาผู้ใหญ่ เพื่อน หรือคนในครอบครัวที่ไว้ใจ ไม่ว่าจะปรึกษาหรือระบาย ก็ถือว่าทำได้ อย่างน้อยการได้ระบายออกมาบ้าง มีคนรับฟังก็อาจจะทำให้ความเครียดลดลงได้บ้าง และรู้สึกว่ายังมีคนที่อยู่เคียงข้าง

5. ตัดช่องทางการติดต่อ หรืออยู่ให้ห่างจากคนบูลลี่
ถ้าเจอคนที่มาบูลลี่แบบต่อหน้า ก็พยายามที่จะอยู่ให้ห่างเข้าไว้ ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องให้มากที่สุด ส่วนกรณีการถูกบูลลี่ทางโซเชียลมีเดีย ก็ทำได้โดยการบล็อคทุกช่องทางการติดต่อ เลิกติดตามคนคิดลบชอบบูลลี่ หรืองดอ่านคอมเมนต์ลบ ๆ ที่จะทำให้เรายิ่งรู้สึกแย่ 

6. ฝึกตัวเองให้รู้จักการปล่อยวาง
คนที่ถูกบูลลี่แน่นอนว่า หลายคนเก็บความเจ็บช้ำนั้นไว้กับตัวตลอด คิดถึงสิ่งนั้นซ้ำ ๆ ยิ่งทำให้ใจเจ็บ ดังนั้นอีกหนึ่งวิธีที่อยากแนะนำคือ ฝึกการปล่อยวาง ยอมรับว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนคนอื่นได้ แต่เราปล่อยวางความคิดแย่ ๆ ของคนอื่นได้ เพื่อที่ให้เราได้ใช้ชีวิตต่อไป และหันกลับมามองสิ่งดี ๆ ในตัวเอง เห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้นดีกว่า

7. ลองปรึกษาพูดคุยกับจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา
ในกรณีที่เรารู้สึกว่า เราแย่มาก ๆ ไม่มีทางออก การหันมาปรึกษาหรือพูดคุยกับจิตแพทย์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสำหรับยุคนี้ เพราะนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ จะสามารถให้คำตอบได้ตรงจุดและช่วยเยียวยาความรู้สึกของคุณได้ ดีกว่าเก็บไว้แล้วไม่มีทางออก ยุคนี้ต้องยอมรับว่าหลายคนเข้าใจการเข้าไปปรึกษาพูดคุยกับจิตแพทย์มากขึ้น ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือน่าอายอีกต่อไป 

8. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับวิธีสุดท้ายอย่างการดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น หากความรุนแรงจากการบูลลี่ค่อยข้างที่จะรุนแรง และสร้างความเสียหายให้กับผู้ที่ถูกบูลลี่ วิธีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะจัดการได้ เช่น การถูกทำร้ายร่างกาย ถูกคุกคามทางเพศ โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จทำให้ได้รับความเสียหาย หรือถูกแชร์เรื่องส่วนตัวจนได้รับความเสียหายมาก ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย สามารถรวบรวมหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีได้นั่นเอง

สุดท้ายยุคปัจจุบันนี้โลกพัฒนาไปเยอะแล้วนะ แล้วก็มีหลายกลุ่ม หลายหน่วยงานออกมารณรงค์เรื่องนี้กันมากขึ้น เพราะฉะนั้น เลิกได้เลิกเถอะ สำหรับใครที่ชอบบูลลี่คนอื่น เพราะมันไม่ได้ทำให้คุณดูเท่ขึ้นเลย และขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่ถูกคนอื่นบูลลี่ทุกคน ให้ก้าวข้ามผ่านไปให้ได้นะ 

ขอบคุณข้อมูล

กรมสุขภาพจิต, โรงพยาบาลเพชรเวช, Thai PBS, โรงพยาบาลสมิติเวช, kapook

📌 อ่านต่อบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

👉 รถยนต์เกิน 7 ปี ต่อภาษีรถออนไลน์ ทำได้ง่ายไม่ต้องไปขนส่ง

👉 เตรียมกดบัตรเลย Overcoat Music Festival ครั้งที่ 12 ขายบัตร Early Bird 27 มิ.ย.นี้

👉 แบบทดสอบ ทายใจ เลือกที่อยู่อาศัยในเทพนิยาย บ่งบอกว่าทำไมคุณถึงยัง โสด