ในตอนนี้นอกจาก โควิด-19 ก็มีโรคแพร่ระบาดมาให้ผวาอีกแล้ว นั่นก็คือ "ฝีดาษลิง" หรือ "ไข้ทรพิษลิง" ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่หลายประเทศในตอนนี้ ถ้าใครได้ตามอ่านข่าวสารมาจะรู้สึกสับสนและเอ๊ะว่าโรคนี้อันตรายแค่ไหน และระบาดที่ไหน น่ากลัวเท่ากับโควิดเลยหรือเปล่า แล้ววิธีป้องกันเป็นยังไงบ้าง วันนี้เราจะมาลงดีเทลให้รู้กันจะได้เข้าใจและป้องกันตัวได้
ฝีดาษลิง หรือ ไข้ทรพิษลิง คืออะไร
ก่อนอื่นเราต้องมารู้จักโรคกันก่อน "โรคฝีดาษลิง" หรือ"ไข้ทรพิษลิง" เกิดจากไวรัส Othopoxvirus ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกันกับเชื้อไวรัสโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษที่เคยเป็นโรคระบาดในไทยและทั่วโลกในสมัยก่อน แต่ว่า "ฝีดาษลิง" จะพบในสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ การแพร่กระจายของเชื้อโรคจะเป็นจากสัตว์สู่คน ไม่เหมือนกับ "ฝีดาษ" ที่เกิดจากเชื้อไวรัสจะติดแบบคนสู่คน แต่ว่ามีความเสี่ยงในการติดเชื้อต่ำ ส่วนใหญ่จะพบในพื้นที่ห่างไกลในประเทศทางตอนกลางและตะวันตกของทวีปแอฟริกา หรือใกล้บริเวณที่เป็นป่าดิบชื้น
ฝีดาษลิง อาการเป็นอย่างไร?
ถ้าอยากเช็คว่าตัวเองเป็น "โรคฝีดาษลิง" หรือเปล่าสามารถสังเกตได้ คือ หลังจากที่สัมผัสเชื้อไปแล้วประมาณ 21 วัน ผู้ป่วยอาจมีอาการแสดง ในระยะแรกคือ ระยะก่อนออกผื่น ก่อนจะไประยะที่สอง ระยะออกผื่น ซึ่งทั้ง 2 ระยะจะมีอาการดังนี้
ระยะก่อนออกผื่น (Invasion Phase)
- เริ่มด้วยมีไข้ ปวดหัว ปวดตัว ปวดหลัง อ่อนเพลีย และต่อมน้ำเหลืองโต
- โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการต่อมน้ำเหลืองโต เป็นอาการที่สังเกตได้ของโรคฝีดาษลิง ซึ่งแตกต่างจากโรคอื่น ๆ ที่มีตุ่มน้ำตามมา เช่น โรคอีสุกอีใส (Chickenpox) , โรคหัด (Measles) , โรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษ (Smallpox)
- อาจมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ท้องเสีย อาเจียน และอาการทางระบบหายใจ เช่น เจ็บคอ ไอ เหนื่อย ได้อีกด้วย
ระยะออกผื่น (Skin Eruption Phase)
- หลังจากมีไข้ประมาณ 1-3 วัน จะเริ่มมีอาการแสดงทางผิวหนัง มีลักษณะตุ่มผื่นขึ้น โดยเป็นตุ่มที่มีรูปแบบการเปลี่ยนแปลงตามลำดับ โดยเริ่มจากรอยแดงจุด ๆ เป็นตุ่มนูนแดง ตุ่มน้ำใส ตุ่มน้ำหนอง และจากนั้นจะแห้งออกหรือแตกออกแล้วหลุด เรียงไปตามลำดับ
- โดยตุ่มมักจะหนาแน่นที่บริเวณใบหน้า และแขนขา มากกว่าที่ร่างกาย
- ในระยะออกผื่น ผื่นจะกลายเป็นสะเก็ดคลุม แห้งและหลุดออกมา โดยใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์
วิธีรักษาโรค ฝีดาษลิง
ในตอนนี้ต้องบอกก่อนว่ายังไม่มีวิธีการรักษาหรือมีวัคซีนป้องกัน "ฝีดาษลิง" โดยเฉพาะ แต่ว่าสามารถควบคุมการระบาดได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษ เพราะสามารถช่วยป้องกันได้ 85% จากตัวเชื้อไวรัสที่ใกล้เคียงกัน แต่โดยทั่วไปแล้ว อาการป่วยจะกินเวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ ส่วนใหญ่สามารถหายจากโรคเองได้ แต่ในกรณีผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ มีโรคประจำตัว อาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม หรือเสียชีวิตได้
ระยะเวลากักตัวถ้าเป็น ฝีดาษลิง
ใครที่เป็น"ฝีดาษลิง"นี้ต้องกักตัวยาวมากกว่าช่วงโควิดสายพันธุ์เดลต้าด้วยซ้ำ เพราะไวรัสมีเวลา 21 วันในการฟักตัวในร่างกาย คนจะไม่รู้ตัวว่าติดไวรัสและไม่มีอาการใด ๆ มันคือระยะไม่แพร่เชื้อ ถ้ามีการติดเชื้อร่างกายจะเข้าสู่ระยะที่สอง เรียกว่า ระยะก่อนออกผื่น เป็นระยะแสดงอาการ ที่ชัดคือ ไข้ขึ้นสูง ปวดศีรษะ หนาวสั่น เจ็บคอ ปวดเมื่อยร่างกาย ต่อมน้ำเหลืองโต ระยะนี้กินเวลาประมาณ 1-4 วันและเป็นระยะที่แพร่เชื้อได้แล้ว ระยะต่อไปเรียกว่า ระยะออกผื่น คือ ระยะที่ร่างกายจะมีผื่น ตุ่มใส ขึ้นบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เป็นระยะที่แพร่กระจายเชื้อได้ง่ายที่สุด และกินเวลานานถึง 2-4 สัปดาห์ จากนั้นจะเข้าสู่ Recovery คือ อาการต่าง ๆ หายรวมถึงตุ่มใสบนผิวหนังจะแห้งเป็นแผลตกสะเก็ดไป โดยรวมแล้วผู้ติดเชื้อจำเป็นต้องกักตัว 53 วัน หรือเกือบ 2 เดือน เพื่อให้ชัวร์ว่าจะไม่ไปแพร่เชื้อ
ฝีดาษลิง ถือว่าเป็นโรคที่น่าจับตามองมาก ๆ เพราะหลายองค์กร อย่าง WHO และหลายประเทศในยุโรป รวมถึงในสหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และออสเตรเลีย กำลังติดตามการเกิดโรคฝีดาษลิงอย่างใกล้ชิด เพราะมันเป็นโรคที่พบไม่บ่อยหรือไม่ค่อยรู้จักมาก่อน และยังไม่มีวัคซีนป้องกันหรือรักษาโดยเฉพาะจึงต้องคอยเฝ้าระวังเป็นพิเศษเพื่อคอยป้องกันการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง ไม่ให้กระจายไปทั่วโลกเหมือนกับ โควิด - 19
.
ขอบคุณข้อมูล
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่...

👉 ไขปริศนา จับของร้อนแล้วทำไมต้องจับติ่งหู! ช่วยหายร้อนจริงหรือ?

👉 ญี่ปุ่นเปิดประเทศ ต้องรู้ก่อนไป!! ฉีดวัคซีนชนิดไหน ถึงเข้าญี่ปุ่นได้