fb
หน้าแรก /
ไลฟ์สไตล์ /
รู้จัก "โรคใหลตาย" ภัยเงียบที่เราไม่รู้ตัว พร้อมวิธีป้องกัน
รู้จัก "โรคใหลตาย" ภัยเงียบที่เราไม่รู้ตัว พร้อมวิธีป้องกัน
fav
fav

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา มีข่าวความสูญเสียของวงการบันเทิงไทยอีกหนึ่งคน "คุณบีม - ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์" นักแสดงวัยรุ่นหนุ่มชื่อดัง หลังถูกพบเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ ด้วยวัยเพียง 25 ปี โดยคุณแม่เป็นคนพบในลักษณะคล้ายนอนหลับ แต่ปลุกไม่ตื่น หรือที่เรียกกันว่า "ใหลตาย" ทำให้เกิดความสงสัยกับสังคม ว่า "โรคใหลตาย" สาเหตุมาจากอะไร และจะป้องกันได้อย่างไร? วันนี้ Eventpass มีคำตอบให้ พาทุกคนมารู้จักกับ "โรคใหลตาย" ภัยเงียบที่เราไม่รู้ตัว พร้อมวิธีป้องกัน


(shutterstock.com - Gorodenkoff)

ใหลตาย หรือ ไหลตาย? อ้างเหตุผลว่าเพราะเกิดขึ้นกับผู้ที่นอนหลับใหล คือนอนหลับสนิทแล้วตายไปในที่สุด

อ้างอิงจาก สำนักงานราชบัณฑิตยสภา


ผศ.พญ. สิรินทร์ อภิญาสวัสดิ์ สาขาวิชาโรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า "อาการใหลตาย" คือ การเสียชีวิตแบบเฉียบพลันที่ผู้ตายไม่มีโอกาสรู้ตัว ในทางการแพทย์เรียกภาวะนี้ว่า "หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน" หรือ sudden unexplained (unexpected) nocturnal death syndrome (SUND) บางครั้งแพทย์เรียกกลุ่มอาการนี้ว่า "กลุ่มอาการบรูกาดา" (Brugada Syndrome)

"โรคใหลตาย" เป็นการเสียชีวิตที่เกิดจากการเต้นหัวใจที่เต้นผิดจังหวะขั้นรุนแรงสุด จนทำให้ไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะสมองได้ เมื่อสมองขาดออกซิเจนอาจแสดงอาการชักเกร็ง หายใจมีเสียงครืดคราดผิดปกติคล้ายนอนละเมอ ไม่รู้สึกตัว


(shutterstock.com - Motortion Films)

พญ.ชญานุตย์ สุวรรณเพ็ญ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ อธิบายว่า ความผิดปกติในขณะหลับ นอกจากเกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะแล้ว ยังอาจเกิดจากหลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลันได้อีกด้วย อีกทั้งยังอาจพบได้ในขณะตื่น เกิดอาการใจสั่นช่วงสั้น ๆ หรืออาการวูบเป็นลมหมดสติได้

สาเหตุของภาวะใหลตายที่สำคัญ
เป็นภาวะร่างกายขาดแร่ธาตุโพแทสเซียม ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง ส่งผลให้หัวใจเต้นแรงขึ้นและเสียชีวิตในที่สุด ปัจจัยที่เกี่ยวข้องของโรค ได้แก่ การบริโภคอาหารที่มีสารพิษวันละเล็กน้อย ทำให้ร่างกายเกิดการสะสมและเป็นพิษต่อกล้ามเนื้อหัวใจ การขาดสารอาหารกลุ่มวิตามินบี 1 อย่างรุนแรงเฉียบพลัน ทำให้คนที่แข็งแรงรู้สึกอ่อนเพลีย เมื่อหลับแล้วก็หัวใจวายเสียชีวิตทันที

กลุ่มเสี่ยงเป็นใหลตาย
ส่วนใหญ่พบในเพศชายวัยทำงาน อายุ 25 - 55 ปี แต่ก็สามารถพบได้ในเพศหญิง เด็ก และผู้สูงอายุ อีกทั้งผู้ที่มีเชื้อสายตรงกับผู้เสียชีวิตด้วยอาการใหลตาย เพราะอาการใหลตายมีความสัมพันธ์กับยีนหรือพันธุกรรม


(shutterstock.com - Syda Productions)


การรักษาโรคใหลตายในทางการแพทย์

การใช้ยาและการฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ เพื่อควบคุมการเต้นของหัวใจให้ผู้ที่เคยตกอยู่ในภาวะใหลตายสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ และลดความถี่ของการเกิดภาวะหัวใจห้องล่างเต้นแผ่วระรัวบ่อยครั้ง การให้ยานั้นขึ้นอยู่กับอาการโรคใหลตายว่ารุนแรงแค่ไหน หากรุนแรงมาก การใช้ยารักษาก็อาจไม่เป็นผล และต้องใช้วิธีฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจเข้าไปในร่างกายแทน ทั้งนี้ยังไม่มีรายงานการรักษาใดที่สามารถป้องกันหรือหยุดการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ทั้งหมด

การปฐมพยาบาลผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะใหลตาย

- จับผู้ป่วยนอนราบ ระหว่างรอรถพยาบาล

- หากพบว่าไม่หายใจ ชีพจรไม่เต้น ให้ทำการ CPR จนกว่าจะถึงมือแพทย์ หรือจนกว่าผู้ป่วยจะรู้สึกตัว

- ไม่ควรงัดปากคนไข้ด้วยของแข็งเพราะอาจเป็นอันตราย


วิธีการป้องกันโรคใหลตาย

- กรณีที่มีประวัติครอบครัวมีอาการใหลตาย ควรเข้ารับการตรวจพบแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยง

   และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ วางแผนการตรวจเพิ่มเติม เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม

- ระมัดระวังการทานอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อน และรับประทานอาหารที่สะอาดถูกหลักอนามัย

- รับประทานอาหารที่ให้สารอาหารเพียงพอต่อร่างกาย โดยเฉพาะวิตามินบี

- รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ เต้าหู้

- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หรืองดได้ยิ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพ

- ผู้ที่มีภาวะขาดน้ำ เช่น มีอาการท้องเสีย ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

   และดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทนน้ำและแร่ธาตุที่สูญเสียไป

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล แต่ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ




ขอบคุณที่มา


แชร์ :
LogoLogo
Logo
บริษัท อีเว้นท์ไทย จำกัด
47/313 อาคารไคตัค ชั้น 5 ถนนป๊อปปูล่า ต.บ้านใหม่
อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
ติดตามเรา :
fbigttx
เครื่องหมายรับรอง :
dbd
©2025 Eventthai Co.,Ltd. All rights reserved.
Version 1.3.1