fb
หน้าแรก /
ไลฟ์สไตล์ /
โบกมือลาไขมันแบบคนเวลาน้อย ด้วยวิธีการลดน้ำหนักเเบบ IF
โบกมือลาไขมันแบบคนเวลาน้อย ด้วยวิธีการลดน้ำหนักเเบบ IF
fav
fav

ยอมรับมาซะดี ๆ มีใครอยากลดน้ำหนักแต่ไม่อยากออกกำลังกายเเบบหนักหน่วงบ้าง หรือไม่ก็ต้องทำงานเช้าเลิกเย็น จนไม่มีเวลาได้ไปออกกำลังกาย วันนี้อีเว้นท์พาสมีเคล็ดลับมาบอกสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักเเต่ไม่มีเวลานั้นก็คือการลดน้ำหนักแบบ IF นั่นเองงง เเล้วการลดน้ำหนักแบบ IF คืออะไร เเละมือใหม่ควรเริ่มยังไงดี? วันนี้เรารวมคำตอบมาไว้ให้เเล้วว

Intermittent Fasting (IF) คืออะไร

การทำ Intermittent Fasting (IF) เป็นวิธีการลดน้ำหนักอีกวิธีหนึ่งโดยการควบคุมแคลอรีการกินในเเต่ละวัน และจำกัดเวลาในการทานอาหาร โดยมีหลากหลายวิธีในการปฏิบัติ แต่วิธีที่คนนิยมทำกันก็คือจำกัดเวลาทานอาหาร 8 ชั่วโมง และอดอาหาร 16 ชั่วโมง เรียกว่าจะมีเวลาที่ทานได้เเละอดอาหาร
ยกตัวอย่างง่าย ๆ คือ เราสามารถทานอาหารได้เวลา 9:00-17:00 โดยหลังจาก 17:00 เป็นช่วงงดอาหาร ทานได้เพียงแต่น้ำเปล่า หรือกาแฟ ชา ที่ไม่ใส่น้ำตาล (งดเว้นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ในช่วงอดอาหาร เพราะจะกระตุ้นให้เกิดความหิวและอยากน้ำตาลได้) คือ เราจะไม่ได้ทานอาหารมื้อหนึ่ง นั่นคือ มื้อเย็น โดยแค่แนวคิดตัดอาหารไปหนึ่งมื้อนั้นก็คือ แคลอรีที่หายไปหนึ่งวัน หากทำได้ติดต่อกัน น้ำหนักก็จะลดลงนั่นเอง!

เริ่มต้นลดน้ำหนัก IF อย่างไรดี

สำหรับผู้ที่ไม่เคยเข้าโปรแกรม IF มาก่อน ควรเริ่มต้นจากวิธี 16/8 (อด 16 กิน 8 ชั่วโมง) ที่สามารถทำได้ง่ายก่อน ให้เลือกปรับเวลา 8 ชั่วโมง ที่ทานไปเรื่อย ๆ จนเริ่มลงตัว ทำให้เราไม่รู้สึกเบียดเบียนตัวเองมากเกินไปประโยชน์หลัก ๆ ของการทำ IF คือ ช่วยยกระดับการเผาผลาญไขมันให้กับร่างกาย ดังนั้นน้ำหนักจากการสะสมของไขมันจึงลดตามไปด้วย โดยหลักการเผาผลาญคือ เมื่อเราอยู่ในช่วงอดอาหาร ระดับอินซูลินจะลดลง ระดับ Growth Hormone สูงขึ้น การอดระยะสั้นสลับกันไปนี้จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายได้ แถมยังช่วยลดไขมันสะสมรอบเอวโดยเฉพาะไขมันไม่ดี โดยไม่ทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลงเหมือนการอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่องด้วย

ปัจจัยที่ทำให้ ลดน้ำหนัก IF ไม่สำเร็จ 

อดมากเกินไป
 โดยในช่วงที่ทานได้ 8 ชั่วโมง ควบคุมอาหารมากจนเกินไปจึงทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายจะเข้าสู่สภาวะจำศีล ลดการเผาผลาญลง และเก็บสะสมพลังงานมากขึ้นเป็นไขมัน ช่วงที่เราสามารถทานอาหารได้ควรทานของที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่น้อยหรือมากจนเกินไป

กินมากเกินไป
 โดยจะทานอาหารเผื่อในช่วงที่อด เช่น ทานข้าว 2-3 จาน เพื่อเวลาอดอาหารจะได้ไม่รู้สึกหิว ในกลุ่มนี้มีความเข้าใจผิดเพราะในช่วงอดอาหารยังไงก็ต้องมีความหิวบ้างเล็กน้อย หากเราจะลดความอ้วนโดยที่ไม่มีความรู้สึกหิวเลย นั่นก็คงไม่ใช่การลดความอ้วนแน่นอน และอาจจะทำให้อ้วนขึ้นได้น้าา

งดของหวานอย่างเด็ดขาด
เนื่องจากหากทำ IF (Intermittent Fasting) แล้วยังทานหวานจะทำให้เกิดอาการติดหวาน Sugar Addict ซึ่งในกลุ่มนี้มีโอกาสที่จะทำให้ในช่วงอดอาหารไม่สามารถอดได้ อาการก็คือ จะหิวมาก อ่อนเพลียเหมือนขาดพลังงาน แล้วก็จะจบด้วยการกิน แล้วอาจจะทานเยอะกว่าปกติด้วย

นอนดึกมากเกินไป
คนที่นอนดึกส่วนใหญ่มีความเสี่ยงในความอ้วนง่ายอยู่แล้ว เนื่องจากระบบฮอร์โมนที่ซ่อมแซมร่างกาย และระบบความอิ่มในร่างกายจะรวนทำให้คนนอนดึกไม่สามารถอดอาหารได้ต้องกินอาหารหวาน และอาจทำให้อ้วนได้ ซึ่งเวลาเข้านอนปกติไม่ควรเกิน 22:00 เป็นเวลาที่ดีที่ร่างกายจะซ่อมเเซมร่างกายตัวเองได้ดีที่สุด

ไม่ออกกำลังกาย 
เนื่องจากในการลดความอ้วนไม่ใช่แค่การควบคุมแคลอรี แต่ยังรวมถึงการสร้างระบบการเผาผลาญที่ถาวรขึ้นด้วย ในส่วนนี้คือการสร้างกล้ามเนื้อเพื่อไม่ให้เกิดอาการโยโย่ขึ้นภายหลัง เมื่อหิวระหว่างช่วงอดอาหาร ให้ทานน้ำเปล่า กาแฟดำ ชาที่ไม่ใส่น้ำตาล ด้วยรสที่ขมจะทำให้เราไม่อยากอาหาร

ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting (IF) ปัญหาและอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นในแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นใครอยากลดน้ำหนักในรูปแบบนี้ควรปรับเปลี่ยนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์เเละสุขภาพของตัวเองด้วยน้า ถ้าใครมีโรคประจำตัวควรปรึกษาเเพทย์ก่อนน้าา

ที่มา : https://www.apexprofoundbeauty.com/slimming-model-if/
https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/


ดูบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่...

👉สายลดน้ำหนักต้องรู้! เนยถั่วช่วยลดน้ำหนักได้!



แกลอรี่
แชร์ :
LogoLogo
Logo
บริษัท อีเว้นท์ไทย จำกัด
47/313 อาคารไคตัค ชั้น 5 ถนนป๊อปปูล่า ต.บ้านใหม่
อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
ติดตามเรา :
fbigttx
เครื่องหมายรับรอง :
dbd
©2025 Eventthai Co.,Ltd. All rights reserved.
Version 1.3.1